ในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่า ทุกอย่างรอบๆ ตัวมีการพัฒนามากขึ้น ทุกอย่างไปสู่ระบบอัจฉริยะเพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือ ระบบแสงอัจฉริยะ (Smart Lighting) เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงพื้นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ร้านค้า และถนนหนทางทั้งหลายทั่วโลกให้ก้าวเข้าสู่ระบบอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งระบบนี้สามารถยกระดับชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย การลดใช้พลังงาน และลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
Smart Lighting คืออะไร?
เป็นระบบควบคุมแสงไฟในบ้าน, อาคาร, หรือร้านค้าต่างๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนความสว่าง, สีได้อัตโนมัติและยังสามารถ Set แสงไฟได้ตามอารมณ์ที่เราต้องการ ผ่านการใช้เทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย (Wifi) และระบบเซนเซอร์ เพื่อตรวจจับระดับแสงและปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และการใช้งาน มีความสามารถในการควบคุมการเปิด-ปิดไฟ อัตโนมัติในบ้าน หรือบริเวณที่ต้องการ โดยส่วนใหญ่มักจะควบคุมได้ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนของเรานี่เอง
ไฟอัจฉริยะ ช่วยให้เราประหยัดพลังงานยังไง?
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าไฟอัจฉริยะสามารถช่วยให้เราประหยัดไฟได้จริงๆเหรอ แล้วประหยัดยังไง ระบบไฟอัจฉริยะสามารถตั้งค่าให้เปิด-ปิด ได้ตามเวลาที่เรากำหนดสามารถตั้งเวลาให้ไฟดับหรือตั้งให้ไฟติดทันทีเมื่อเดินเข้าห้องและดับทันทีที่ออกจากห้องไป จากเดิมที่หลอดไฟ LED กินพลังงานน้อยอยู่แล้ว เมื่อมีคุณสมบัติเหล่านี้ก็จะยิ่งช่วยประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น
ประโยชน์ของระบบแสงสว่างอัจฉริยะ
1.ควบคุมการใช้งานด้วยแอปพลิเคชั่น
คุณสามารถควบคุมไฟ LED อัจฉริยะได้จากทุกที่ด้วยแอปพลิเคชั่น Wiz หรือ Tuya ที่ใช้งานง่ายและสะดวกสบาย
2.ความช่วยเหลือแบบแฮนด์ฟรี
เรายังสามารถจับคู่ไฟ LED อัจฉริยะ กับผู้ช่วยบ้านอัจฉริยะ เช่น Amazon Alexa, Google Assistant หรือคำสั่งลัด Siri เพื่อควบคุมแสงสว่างด้วยเสียงของคุณ
3.ควบคุมด้วย Switch
ใช้สวิตช์ไฟแบบเดิมที่มีอยู่เพื่อควบคุมไฟอัจฉริยะของคุณ เพียงแค่เปิดและปิดสวิตช์ไฟเพื่อเปลี่ยนไปตามโหมดแสงที่คุณชื่นชอบ
5 วิธีเลือกซื้อหลอดไฟอัจฉริยะยังไงให้ตอบโจทย์
สำหรับใครที่เริ่มสนใจในหลอดไฟอัจฉริยะแต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อยังไง เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจของเราวันนี้ LightFEEL เราจะพาไปดูกัน
1.ประสิทธิภาพของหลอดไฟ
ควรเลือกแสงไฟที่มีความสามารถในการปรับแสงได้ตามต้องการ มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดี เพื่อให้ไม่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากเกินไป และช่วยเราประหยัดค่าไฟในแต่ละเดือนได้
2.ความสามารถในการเชื่อมต่อ
ในปัจจุบันการเชื่อต่อนั้นก็สำคัญในการเลือกเราจึงควรต้องเลือกแสงไฟอัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย Wi-Fi หรือ Bluetooth ที่บ้านที่เราใช้งานเป็นปกติ เพื่อควบคุมการทำงานได้ง่าย รวมไปถึงสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนที่เราใช้อยู่เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมแสงไฟ
3.เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน
เราควรจะเลือกแสงไฟอัจฉริยะให้ตรงกับความเหมาะสมในการใช้งานหรือความต้องการของเรา เช่น เราอยากให้ไฟของเราเปิด-ปิด ได้อัตโนมัติเพื่อที่จะประหยัดพลังงานในบ้านของเรา หรือเราสามารถเลือกแสงไฟให้เหมาะสมกับร้านค้าของเราเพื่อสร้างบรรยากาศในร้าน
4. ความสามารถในการสร้างสีและโหมดการใช้งาน
หนึ่งในฟังก์ชันที่ควรมีคือสามารถในการสร้างสีและโหมดการใช้งานต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกและความสนุกในการใช้งาน เช่น การปรับแสงได้หลากสีสัน หรือความเข้ม-อ่อนของแสง เพื่อให้เราสามารถเลือกสรรการใช้งานได้อย่างตอบโจทย์ในทุกๆ วัน
5.ความคุ้มค่า
ควรเลือกไฟที่มีราคาเหมาะสมและมีคุณภาพที่ดี เพื่อให้ได้ผลการใช้งานที่ต้องการ ทั้งด้านของวัสดุที่แข็งแรงความทนทาน และการตอบโจทย์ด้านการใช้งานที่สามารถเพิ่มความสะดวกสบายได้
ไฟอัจฉริยะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของคุณมีความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าหรือบ้านของคุณ ไฟอัจฉริยะ Smart Light จาก LightFEEL จะช่วยให้คุณสะดวกสบาย มีสีสันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ใน Mood ไหนก็สามารถสั่งงานได้ทุกที่ตามใจคุณ
Comentarios